แนะแนววิธีการจัดการ สาระน่ารู้หรือเคล็ดลับดีๆในการใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงหลายๆเรื่องที่คุณไม่รู้มาก่อน มาอัพเดทกันก่อนใคร ที่นี่ ..
ทุกเรื่องบัตรเครดิตที่คุณควรรู้
เคยสงสัยไหมว่าทำไมการยื่นกู้เงินด่วนถึงง่ายขึ้นเมื่อสเตทเม้นของคุณดูดี? สำหรับสถาบันการเงินแล้ว สเตทเม้น หรือรายการเดินบัญชี ไม่ใช่แค่ข้อมูลทางการเงิน แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่สะท้อนถึงวินัยและความน่าเชื่อถือของคุณ บทความนี้จะพาไปเจาะลึก 5 ปัจจัยสำคัญที่สถาบันการเงินให้ความสำคัญ พร้อมเทคนิคปรับสเตทเม้นให้ดูดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการกู้เงินด่วนถูกกฎหมายได้ง่ายขึ้น!
เวลายื่นกู้เงินด่วน หนึ่งในเอกสารที่ธนาคารหรือผู้ให้สินเชื่อขอเกือบทุกครั้งคือ "สเตทเม้น" หรือรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 3-6 เดือน เพราะสเตทเม้นไม่ใช่แค่เอกสารสรุปรายได้-รายจ่ายธรรมดาๆ แต่คือ "พอร์ตทางการเงิน" ที่สะท้อนนิสัยและพฤติกรรมการจัดการเงินของคุณอย่างแท้จริง
บางคนอาจสงสัยว่าสเตทเม้นกับสลิปเงินเดือนใช้แทนกันได้หรือไม่? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อและผู้ให้บริการ โดยทั่วไปแล้วมีบทบาทต่างกัน:
หากคุณไม่มีสลิปเงินเดือน เช่น เป็นฟรีแลนซ์ เจ้าของกิจการ หรือรับเงินสดจากลูกค้าโดยตรง คุณก็สามารถกู้เงินด่วนได้ด้วยการใช้สเตทเม้น หากมีเงินเข้าอย่างต่อเนื่องและมีคำอธิบายประกอบที่ชัดเจน เช่น ระบุว่าเป็น “ค่าจ้างออกแบบ” หรือ “ค่าจ้างจัดส่ง” เพราะในหลายกรณี สถาบันการเงินจะประเมินจาก "ความน่าเชื่อถือของรายได้" มากกว่ารูปแบบรายได้ โดยเน้นดูว่าคุณมีพฤติกรรมการเงินที่ดีหรือไม่ และไม่ได้ปิดกั้นแค่เพราะไม่มีสลิปเงินเดือนเท่านั้น
ถึงแม้จะมีเงินเข้าบัญชีทุกเดือน ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อเสมอไป เพราะสถาบันการเงินไม่ได้มองแค่ "จำนวนเงิน" แต่ยังวิเคราะห์ลึกลงไปถึง "รูปแบบ" และ "ความสม่ำเสมอ" ของรายได้อีกด้วย ซึ่ง 5 สัญญาณในสเตทเม้นที่บ่งบอกว่าคุณมีความพร้อมในการกู้เงินด่วน คือ
ความสม่ำเสมอของรายได้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ให้บริการทางการเงินให้ความสำคัญ เพราะสะท้อนถึงความมั่นคงในการหารายได้ของผู้กู้ ถึงแม้รายได้จะไม่สูงมาก แต่หากเข้ามาเป็นประจำ เช่น ทุกกลางเดือนหรือทุกปลายเดือน ก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสเตทเม้นของคุณได้
ตัวอย่าง : อาชีพฟรีแลนซ์ที่มีรายได้โอนเข้ามาเป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือพนักงานประจำที่ได้รับเงินเดือนตรงเวลา แม้ยอดไม่เท่ากันทุกครั้ง แต่ความสม่ำเสมอทำให้เห็นศักยภาพทางการเงินที่ต่อเนื่อง
ถ้ามีเงินเหลือในบัญชีทุกเดือนไม่ว่าจะมากหรือน้อย คือสัญญาณที่ดีของการบริหารการเงินส่วนบุคคล เพราะสะท้อนให้เห็นถึงวินัยการใช้จ่าย และการวางแผนล่วงหน้าว่าไม่ได้ใช้เงินหมดทุกบาท ซึ่งสถาบันการเงินจะให้คะแนนในส่วนนี้เพราะคือ “สภาพคล่องทางการเงิน” และในปัจจุบันสถาบันการเงินหลายแห่งใช้ AI หรือ Machine Learning วิเคราะห์สเตทเม้นเพื่อจับพฤติกรรมการเงิน เช่น:
ตัวอย่าง: สเตทเม้นที่จะได้คะแนนสภาพคล่องทางการเงินดี เช่น มีรายได้เข้า 25,000 บาท และมีเงินคงเหลือในบัญชี 3,000-5,000 บาทเป็นประจำ
ความโปร่งใสของรายการเดินบัญชีเป็นหัวใจสำคัญในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ หากสเตทเม้นมีธุรกรรมที่ไม่ชัดเจน อาจทำให้สถาบันการเงินต้องตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น
ซึ่งธุรกรรมที่ดูผิดปกติอาจทำให้ผู้ให้บริการทางการเงินตั้งข้อสังเกต และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของสเตทเม้นเมื่อยื่นขอสินเชื่อ
ในการพิจารณาการกู้เงินด่วน สถาบันการเงินจะตรวจสอบสเตทเม้นย้อนหลัง 3-6 เดือนจากบัญชีที่คุณใช้รับรายได้ประจำ โดยใช้ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมการเงิน (Behavioral Scoring) และ AI/ML เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่แค่ดูยอดเงินรวม แต่ดู “พฤติกรรม” การรับ-จ่ายเงินในแต่ละเดือนด้วย
ดังนั้น สเตทเม้นที่พร้อมกู้เงินด่วนออนไลน์ถูกกฎหมาย จะต้องมีลักษณะดังนี้:
ในยุคนี้ที่การกู้เงินด่วนออนไลน์ถูกกฎหมายสามารถทำได้ง่ายเพียงไม่กี่คลิก หลายคนอาจเผลอยื่นขอกู้หลายรอบติดต่อกันภายในช่วงสั้นๆ แต่รู้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่คุณสมัครไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน สถาบันการเงินจะรายงานข้อมูลไปยังเครดิตบูโรในหมวดที่เรียกว่า “Inquiry Record” ซึ่งผลกระทบคือ
ไม่ว่าคุณมีรายได้น้อยหรือทำอาชีพอิสระ การเตรียมสเตทเม้นให้พร้อมก่อนยื่นกู้เงินด่วนคือสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผ่านการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่สถาบันการเงินใช้ระบบวิเคราะห์อัตโนมัติ (AI) ตรวจสอบพฤติกรรมทางการเงินผ่านรายการเดินบัญชี ซึ่งสถาบันการเงินหลายแห่งเองก็ได้ให้คำแนะนำว่าการมีสเตทเม้นที่น่าเชื่อถือ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดเงิน แต่รวมถึง “พฤติกรรมการใช้เงิน” ด้วย โดย 3 เทคนิคที่ทำให้สเตทเม้นดูดีเป็นปกติ คือ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดเพดานวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลให้สัมพันธ์กับรายได้ของผู้กู้ ไม่ใช่ขอได้เท่าไรก็ได้ โดยเกณฑ์ที่ใช้ในปัจจุบันคือ
ตัวอย่างเช่น หากคุณมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท วงเงินสูงสุดที่อาจได้รับคือประมาณ 30,000 บาท แต่ถ้ามีรายได้เดือนละ 40,000 บาท วงเงินสูงสุดตามเกณฑ์อาจอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาท อย่างไรก็ตาม วงเงินที่ได้รับจริงยังขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถาบันการเงิน และพฤติกรรมทางการเงินของผู้กู้ร่วมด้วย
ดังนั้น เมื่อได้วงเงินสินเชื่อมาแล้ว ผู้กู้ควรใช้วงเงินให้สอดคล้องกับรายได้และภาระหนี้ที่มีอยู่ เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้โดยไม่เกินกำลัง และรักษาสภาพคล่องทางการเงินในระยะยาว
ถึงแม้รายได้จะเกินกว่าเกณฑ์ที่สถาบันการเงินกำหนดไว้ แต่ถ้าคุณมีภาระหนี้หลายก้อนอยู่แล้ว เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือบัตรเครดิตรวมกันเกิน 40% ของรายได้ สถาบันการเงินจะมองว่า “มีความเสี่ยงในการชำระหนี้” และจะส่งผลต่อการอนุมัติการกู้สินเชื่อ
วิธีคำนวณง่ายๆ คือ “ภาระหนี้ต่อเดือน ÷ รายได้ต่อเดือน × 100 ≤ 40%” สมมติว่า
ถือว่าพอดีเกณฑ์ ดังนั้น ถ้าเกินจากนี้ เช่น ผ่อนรวม 9,000 บาทขึ้นไป (45%) สถาบันการเงินจะมองว่า “เสี่ยง” หรือ “หมุนเงินตลอด” ทำให้โอกาสที่จะอนุมัติการกู้เงินด่วนน้อยลง
สถาบันการเงินชอบเห็นรายการรายได้ที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินเข้ามาจากที่ไหน โดยเฉพาะในยุคที่มีการใช้ AI วิเคราะห์สเตทเม้นและระบบคะแนนเครดิตที่วิเคราะห์พฤติกรรมการเงินแบบละเอียด ดังนั้น การรับเงินผ่านระบบที่มี “หลักฐานยืนยันตัวตนของผู้โอน” ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความน่าเชื่อถือของรายได้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่องทางที่จะเพิ่มคะแนนบวกให้ เช่น:
เป็นเพราะว่าสถาบันการเงินไม่ใช่แค่ดูว่า “เงินเข้าเยอะไหม” แต่ดูว่าเงินนั้นมาจากไหน น่าเชื่อถือหรือไม่ หากระบบวิเคราะห์พบความเสี่ยง เช่น รายการโอนจากชื่อไม่คุ้น หรือฝากเงินสดเป็นก้อน ระบบอาจ “ลดคะแนนความน่าเชื่อถือ” ของคุณลงทันที
การยื่นกู้เงินด่วนให้ผ่านไม่ได้ขึ้นอยู่กับรายได้เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับ “หลักฐานที่แสดงความมั่นคง” ของรายได้ในรูปแบบที่ตรวจสอบได้ ซึ่งแต่ละอาชีพใช้เอกสารไม่เหมือนกัน โดยในหัวข้อนี้จะยกตัวอย่างการกู้เงินด่วนถูกกฎหมายออนไลน์จากสินเชื่อดิจิทัล ยัวร์แคช* ซึ่งต้องใช้เอกสารดังนี้
ทริคเพิ่มเติมสำหรับเตรียมสเตทเม้น : ควรใช้บัญชีที่รับเงินเดือนโดยตรง และอย่าถอนจนหมดทุกเดือน เพื่อให้สถาบันการเงินเห็นภาพพฤติกรรมทางการเงินที่ดี
ทริคเพิ่มเติมสำหรับเตรียมสเตทเม้น : ควรรับเงินผ่านช่องทางพร้อมเพย์หรือโอนเข้าบัญชีโดยตรงแทนการรับเงินสด และจัดให้การรับ-จ่ายมีรูปแบบสม่ำเสมอ เช่น รับค่าจ้างเข้าบัญชีเดียวกันทุกครั้ง เพื่อให้สถาบันการเงินเห็นภาพรายได้ที่ต่อเนื่อง
ทริคเพิ่มเติมสำหรับเตรียมสเตทเม้น : ควรแยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว แนะนำว่าให้เปิดบัญชีใหม่เฉพาะกิจการ แล้วโอนรายได้จากทุกช่องทางเข้าบัญชีนี้ เพื่อสร้างสเตทเม้นที่ดูโปร่งใส
เมื่อสเตทเม้นพร้อมแล้ว ขั้นต่อไปคือเลือกแหล่งกู้เงินด่วนออนไลน์ที่ ถูกกฎหมายและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะไม่ว่าจะเป็น สถาบันการเงิน หรือ ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ต่างก็มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน สิ่งที่ต่างกันคือรูปแบบการพิจารณาและเงื่อนไขของแต่ละแห่ง
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกกู้เงินด่วนกับ Non-Bank รายใหญ่ที่เชื่อถือได้ในปี 2568 “อิออน (AEON)” คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยบริการสินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ที่สมัครได้ผ่าน AEON THAI MOBILE App และมีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการที่หลากหลาย เช่น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 22%-25% ต่อปี
ปัจจัยสำคัญของการขอกู้เงินด่วน คือเรื่องของ “ความพร้อม” หนึ่งในนั้นคือการเตรียมพร้อมเรื่องสเตทเม้นให้เป็นระบบ
และดูดีในสายตาของสถาบันการเงินคือหนึ่งในก้าวเล็กๆ ที่สะท้อนความมั่นคงทางการเงิน ยิ่งคุณพร้อมมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้การขอกู้เงินด่วนเป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้
ขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย, Priceza, TTB, ธปท., Workpoint, semthailandclub, ch3plus, scbx, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, thailand.intel ,สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์, bot.or.th, Nation Credit Bureau, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย